Earth, green grass and skyscrapers

wonders of the world

มหัศจรรย์ของโลก

สถานที่สวยที่สุดในโลก

1. Three Natural Bridges

ประเทศจีน


อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ (เทียนเชิงซ่านเฉียว) มรดกโลก ทางธรรมชาติที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่เมืองอู่หลง นครฉงชิ่ง ประเทศจีน เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลก ทำให้เกิดเป็นบ่อหลุมขนาดใหญ่ที่ลึกประมาณ 300-500 เมตร และมีบางส่วนเป็นโพรงทะลุเหมือนกับสะพานทอดข้ามระหว่างภูเขา



2. Petra

ประเทศจอร์แดน

นครเพตรา คือนครหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขาวาดี มูซา หุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับ ทะเลอัคบาในประเทศจอร์แดน เป็นเมืองที่เจาะสลักเข้าไปในหินเกือบทั้งหมด รอบบริเวณ ไม่ว่าจะเป็น วิหาร หลุมศพ บันได โรงละคร ซึ่งขุดสลักมาแต่ยอดเขาลงมาเป็นหลืบลดหลั่นเป็นช่อชั้นงดงาม


ถือกันว่าเป็นศูนย์กลางของ อารยธรรมเบื้องต้นของเขตตะวันออกกลาง นครนี้แต่เดิมนั้นเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ซึ่งต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบเห็นเข้าเมื่อปี 1812 ภายหลังที่นี่เลยกลายเป็นแหล่งความรู้อย่างดีของนักโบราณคดี และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่หนึ่งในโลก

3. ทะเลสาบสีชมพู Hiller Lake (Pink Lake)

ประเทศออสเตรเลีย

ทะเลสาบฮิลลิเออร์นี้ตั้งอยู่บนเกาะมิดเดิ้ล ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย แปลกประหลาดล้ำตรงที่ว่าน้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีชมพูเหมือนนมสตรอเบอร์รี่มิลค์เชค และถึงแม้ว่าในโลกนี้ยังมีทะเลสาบสีชมพูอีกหลายแห่ง แต่ทะเลสาบฮิลลิเออร์นั้นมีความแตกต่างจากทะเลสาบสีชมพูแห่งอื่นๆ ตรงที่น้ำในทะเลสาบเป็นสีชมพูจริงๆ ไม่ได้เกิดจากการตะกอน แสงสะท้อน หรือสาหร่ายในน้ำ


เมื่อตักน้ำในทะเลสาบฮิลลิเออร์มาใส่ขวดก็จะได้น้ำสีชมพูใส และจะเป็นสีชมพูอยู่อย่างนี้ตลอดไปจนนักวิทยาศาสตร์อึ้งไปตามๆ กัน น่าอัศจรรย์ใจมาก ซึ่งมีข้อสันนิษฐานว่าสีชมพูนั้นเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในเกล็ดของเกลือนั่นเอง

4. ทุ่งหญ้าสีชมพู Da Lat

ประเทศเวียดนาม

สำหรับทุ่งหญ้าสีชมพูนี้ ตั้งอยู่ที่ เมืองดาลัต ประเทศเวียดนาม ขอบอกว่า มันชมพูจริงๆ แถมยังฟรุ้งฟริ้งมากอีกด้วย เหมือนอยู่กลางทุ่งหญ้าในเกาหลี หรือยุโรปเป๊ะๆ เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่สวยงามมากๆ


อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ 7 ที่เที่ยวถ่ายรูปสวย ดาลัด เวียดนามใต้

เมืองติดทะเลในเขต Liguria ของประเทศอิตาลีนั้นมีหมู่บ้าน 5 หมู่บ้านอยู่ติดกัน ซึ่งมีชื่อว่า Cinque Terre และเป็นเมืองที่ได้รับการยกให้เป็น UNESCO World Heritage เพราะชายหาด ทะเล ภูเขา ในแถบนั้นสวยงามมากๆ และเป็นพื้นที่อนุรักษ์ของประเทศอิตาลีอีกด้วย

6. Fairy Pools, Isle of Skye

ประเทศสก็อตแลนด์

อย่างกับความฝันในตอนเด็ก ใครจะไปเชื่อว่า สักครั้งจะได้มีโอกาสลงไปแหวกว่ายในสระน้ำที่คนทั่วโลกบอกว่า ที่นี่แหละ สระว่ายน้ำของนางฟ้าในเทพนิยาย Fairy Pools นี้เป็นสระว่ายน้ำที่ธรรมชาติได้สรรสร้างขึ้นมาในหุบเขาเกลน บริทเทิล (Glen Brittle) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะสกาย (Isle of Skye) เกาะที่ใหญ่ที่สุดในเขตหมู่เกาะอินเนอร์ เฮบริดีส (Inner Hebrides) หมู่เกาะที่อยู่นอกชายฝั่งตะวันตกของสก็อตแลนด์


อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ Fairy Pools สระน้ำในเทพนิยายที่มีอยู่จริง น้ำใสราวกับคริสตัล

เกาะ Mamanuca เป็นเกาะสวรรค์ที่เหมือนหลุดออกมาจากโปสการ์ดสวยๆ เป็นหมู่เกาะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของฟิจิ เพราะที่นี่มีความงามที่ยังบริสุทธิ์และโดดเด่นคงเหลืออยู่ อีกทั้งยังมีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบให้คนบนเกาะสนุกได้โดยไม่เบื่อ

8. Jellyfish Lake หมู่เกาะ Palau

ประเทศปาเลา

ทะเลสาบแมงกะพรุนไร้พิษ หรือ Jellyfish Lake นี้ตั้งอยู่บนเกาะ Eil Malk ซึ่งเป็นเกาะหนึ่งในหมู่เกาะ Rock Islands ที่สาธารณรัฐปาเลา ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดดำน้ำยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และจุดเด่นที่สุดของที่นี่คือ แมงกะพรุนทอง (Golden Jellyfish) นับล้านตัวแหวกว่ายอยู่


อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ ทะเลสาบแมงกะพรุน ไร้พิษ Jellyfish Lake ปาเลา

Giants Causeway Beach นี้เป็นชายหาดที่เต็มไปด้วยเสาหินกว่า 40,000 แท่ง และยังได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี 1986 บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของไอร์แลนด์เหนืออีกด้วย ใครที่อยากไปเที่ยวที่นี่ต้องระวังหินทิ่มขากันสักหน่อย

10. Glass Beach

แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

ชายหาดแก้วแห่งนี้ เดิมที่เป็นที่ทิ้งขยะของรัฐแคลิฟอร์เนีย หลายสิบปีผ่านไป ขยะที่เป็นเศษแก้วถูกคลื่นซัดสาดหายไป จนกลายเป็นชายหาดแสนสวยอย่าวน่าอัศจรรย์

11. Motonosumi-Inari Shrine

ประเทศญี่ปุ่น

เสาโทริอิสีแดงตั้งตระง่านจากภูเขาไปจนถึงทะเล 1 ใน 29 สถานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่คือ Motonosumi-inari Shrine ศาลเจ้าที่ช่วยให้ผู้คนที่มาอธิษฐานประสบความสำเร็จ เชื่อไหมล่ะว่า หลังจากที่คุณหย่อยเงินบริจาคลงในกล่องรับบริจาคตรงเสาโทริอิต้นสุดท้าย ความหวังทั้งหลายของคุณจะประสบความสำเร็จ

12. Reykjavik

ประเทศไอซ์แลนด์

เรคยาวิก เป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด โดยตั้งอยู่ไม่ไกลจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลมากนัก แม้ว่าที่นี่จะเป็นหนึ่งในจุดที่หนาวที่สุดของยุโรป แต่ก็เต็มไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ การได้แช่ในบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติท่ามกลางความหนาวเย็นยะเยือกเป็นสิ่งที่ทุกคนถวิลหาในหน้าหนาว

13. Pamukkaleประเทศตุรกี

ธารน้ำแร่ใต้ดินไหลรวมเป็นแอ่งน้ำหินปูน เหมือนเป็นสระว่ายน้ำไร้ขอบธรรมชาติที่สวยงาม เกิดจากปรากฏการณ์ที่ตะกอนของหินปูนทำปฏิกิริยากับอากาศ จับตัวแข็งกลายเป็นแอ่ง และมีธารน้ำแร่ใต้ดินไหลเอ่อล้นผุดขึ้นมาบนพื้นผิว รวมเป็นแอ่งน้ำหินปูนที่ลดหลั่นกัน กว้าง 300 เมตร ยาวกว่า 3 กิโลเมตร ก่อนไหลลงจากผาสูง 100 เมตร

14. Santorini

ประเทศกรีซ

Santorini เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แสนจะดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก กลุ่มอาคารสีขาว รูปทรงแปลกตาที่ตั้งลดหลั่นกันตามเชิงเขาสูงชัน และโบสถ์แสนสวยที่มียอดโดมสีฟ้าสดใส เป็นเหมือนสัยลักษณ์ของที่นี่ ทำให้ใครๆ ก็อยากมาพักผ่อนในเมืองแสนสวยนี้ดูสักครั้ง

15. Neuschwanstein Castle

ประเทศเยอรมนี

พระราชวังสมัยศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่บนเนินเขาขรุขระทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน มีลักษณะเหมือนปราสาทในเทพนิยาย จนติดอันดับ 9 สถานที่ เทพนิยายที่มีอยู่จริงบนผืนโลก


พระราชวังแห่งนี้เปิดให้ประชาชนเข้าชม และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง และแม้จะเป็นปราสาทยุคกลางของลุดวิก (Ludwig) แต่ก็มีเทคโนโลยีทันสมัย ทั้งห้องน้ำแสนสะอาด มีน้ำร้อน น้ำเย็น กันเลยทีเดียว

16. Ha Long Bay

เวียดนาม

ฮาลองเบย์ มหัศจรรย์แห่งอ่าวมังกรตกน้ำ 1 ใน 10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน ตามนิทานปรัมปราของชาวเวียดนาม ที่กล่าวถึงมังกรโบราณซึ่งเคยร่อนมาลงในอ่าวนี้เมื่อครั้งดึกดำบรรพ์ และชื่อของฮาลอง ก็แปลได้ว่า มังกรร่อนลง

จากความสวยงามและสมบูรณ์ของอ่าวฮาลอง ทำให้ที่นี่ประกาศได้เป็น มรดกโลก ทางธรรมชาติ จากองค์กรยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2537 เสน่ห์ของที่นี่คือ เกาะหินปูนเกือบ 2,000 เกาะ ซึ่งมีถ้ำมากมายรอให้เราไปชม แถมที่นี่ยังมีอ่าวที่เหมาะแก่การพายเรือคายัคอีกด้วย


แม้ว่า ถ้ำฟิงกอล ที่ประเทศสก็อตแลนด์ นี้มันอาจจะดูเหมือนเป็นโครงสร้างบล็อกๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่ความจริงแล้วเสาหินหกเหลี่ยมนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจำนวนมาก ด้วยสภาพถ้ำที่เป็นโพรงแนวยาว ทำให้ภายในถ้ำเกิดเป็นเสียงสะท้อน คล้ายเสียงดนตรีได้ด้วย บางทีคนก็เรียกถ้ำนี้ว่า “Cave of melody”

18. St. Lucia

ประเทศเซนต์ลูเซีย

St. Lucia เป็นประเทศที่เป็นเกาะ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของทะเลแคริบเบียน มีลักษณะเป็นเกาะภูเขาไฟ และเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะเลสเซอร์แอนทิลลีส (Lesser Antilles) ที่นี่มีภูมิประเทศที่สวยงาม น้ำทะเลใสราวกับกระจก

19. Venice

ประเทศอิตาลี

ในบรรดาเมืองท่องเที่ยวของอิตาลี เมืองเวนิส ดูจะเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากทุกเมืองในโลก เป็นเมืองที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบที่สวยงามจนได้ฉายาว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลอาเดรียติก” ( The Queen of the Adriatic) หรือ “เมืองแห่งสายน้ำ” (The City of Water)


ที่มีคลองสำหรับใช้สัญจรแทนถนนมากกว่า 150 สาย และมีเรือกอนโดลา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์หนึ่งของเวนิส อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งศิลปวัฒนธรรม และดนตรียามค่ำคืนที่ผู้คนทั่วโลกรู้จัก และใฝ่ฝันอยากมาเทียวชมสักครั้งในชีวิต


เวนิสเป็นที่รู้จักกันมาช้านานในประวัติศาสตร์ ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการเดินเรือ และการค้าของทวีปยุโรปนับพันปี แต่น่าเสียดาย เพราะนักวิชาการหลายคนกล่าวไว้ว่า เวนิสอาจจะจม และหายไปในที่สุด ที่นี่จึงกลายเป็น ที่เที่ยวต้องไป ก่อนที่จะหายไปจากแผนที่โลก !

20. Yellowstone National Park

สหรัฐอเมริกา

เยลโลว์ สโตน เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของอเมริกาและแห่งแรกของโลกด้วย มีพื้นที่ทั้งหมดอยู่บนที่ราบสูงบนเทือกเขาร็อคกี้ มากกว่า 2 ล้านเอเคอร์ อีกทั้งยังมีบ่อน้ำร้อน และน้ำพุร้อนมากกว่า 10,000 แห่ง


ดินแดนแห่งนี้มีอายุมากกว่า 600,000 ปี เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทิ้งร่องรอยของหินละลายที่พุ่งผ่านผิวโลกขึ้นมาเย็นตัว เกิดเป็นภูเขาสูง ที่ราบและหุบเหวที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าที่น่าสนใจมากมาย


อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ 20 ที่เที่ยว อเมริกา สวยขั้นเทพ

Zion National Park อุทยานแห่งชาติที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่ามาเยือน และมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของรัฐยูทาห์ สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นภูมิทัศน์ทะเลทราย ประกอบไปด้วยภูเขา หน้าผาหินทราย หุบเขาลึก ที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลทรายกันกว้างใหญ่ เป็นจุดหลายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินป่าและปีนเขา

22. Great Blue Hole


ประเทศเบลิส

หลุมยักษ์น้ำเงินครามแห่งเบลิซ ประเทศนี้อยู่บนฝั่งตะวันออกของอเมริกากลาง ริมทะเลแคริบเบียน หลุมนี้อยู่ห่างจากชายฝั่งเบลิซประมาณ 60 ไมล์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 984 ฟุต กับความลึกประมาณ 410 ฟุต เชื่อกันว่าหลุมนี้เป็นหลุมกลางทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สันนิษฐานกันว่ามันก่อตัวขึ้นในยุคน้ำแข็ง แถมหลุมนี้ยังเป็น 1 ใน 7 หลุมที่นักประดาน้ำจัดอันดับสถานที่น่าดำน้ำที่สุดในโลกอีกด้วย

น้ำตกเพลิง Firefall หรือ น้ำตก Horsetail Falls ณ อุทยานแห่งชาติ Yosemite สหรัฐอเมริกา เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ และเป็นความงดงามอันแสนจะหาดูได้ยาก เพราะจะปรากฏให้เห็นเพียงปีละครั้ง กลางเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงที่แสงอาทิตย์ตกกระทบ สาดส่อง น้ำตก พอเหมาะพอดี เกิดเป็นสายลาวา ลู่ลงเบื้อล่างเหมือนหางม้าอันงดงาม

24. Shirakawa-go

ประเทศญี่ปุ่น

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ตั้งอยู่ในเมืองกิฟุและโทยามะ เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก โดดเด่นด้วยอาคารแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า Gassho-zukuri สร้างด้วยวัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว มีความเก่าแก่กว่า 300 ปี เป็นหมู่บ้านที่มีความงดงามมากโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่หิมะตกโปรยปราย

Panjin Red Beach ในเมืองเหลียวหนิง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน จะเปลี่ยนเป็นสีแดเข้มทุกครั้งเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ที่สุดที่ได้รับการอนุรักษ์จากรัฐบาลจีน ที่นี่ยังเป็นที่อยู่อาศัยของนกกว่า 260 สายพันธุ์ รวมถึงนกกระเรียนแดงที่เป็นสัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์และสัตว์ป่าอีกราว 400 ชนิด

26. Sea Cliffs, Etretat

ประเทศฝรั่งเศส

หน้าผาและเสาหินโค้งธรรมชาติ (The Cliffs at Etretat) จุดท่องเที่ยวแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีชายหาดที่ขนานไปกับแนวยาวของชายฝั่ง ซึ่งมีความสวยงามมากแห่งหนึ่งอีกด้วย

27. Beachy Head

ประเทศอังกฤษ

หน้าผาชอล์กริมทะเลที่สูงที่สุดในสหราชอาณาจักร และอังกฤษ นอกจากที่นี่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจแล้ว ยังเป็นภูมิประเทศที่เหมาะสำหรับเล่นกีฬาประเภทเอ็กซ์ทรีม อย่างเช่น กระโดดร่ม เป็นต้น

28. Cristo Redentor Statue

ประเทศบราซิล

“สายตาของพระคริสต์ที่จับตามองลงมายังเมืองช่วยทำให้เมืองนี้ผาสุกเพียงใด ?” Cristo Redentor statue รูปปั้นพระเยซู ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา Corcovado ซึ่งสูงประมาณ 2,300 ฟุตจากเมืองริโอ เดอจาเนโร เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากจะไปเห็นสักครั้งถึงความยิ่งใหญ่ และมุมมองที่พระคริสต์เห็นเมืองนี้อยู่ทุกๆ วัน นอกจากนั้น ที่นี่ยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ อีกด้วย

น้ำตกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไต้หวัน อยู่ในย่านผิงซี (Pingxi District) เมืองนิวไทเป (New Taipei City) แม้น้ำตกซือเฟิ่นจะมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนักด้วยความสูง 20 เมตร กว้าง 40 เมตร แต่ก็สร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าชม จนได้รับการขนานนามว่า “ไนแองการ่าแห่งไต้หวัน” (Taiwan’s Niagara Falls)

30. The Alhambra

ประเทศสเปน

The Alhambra ไม่ได้เป็นเพียงสมบัติทางสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสเปน แต่ยังเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก พระราชวังที่สวยงามแกะสลักโดยช่างฝีมือประณีต ความสวยงามและยิ่งใหญ่นี้ ต้องได้ไปสัมผัสสักครั้ง

หมู่เกาะกาลาปากอส เป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิก มีความน่าสนใจทั้งด้านธรณีวิทยา สัตววิทยา และนิเวศวิทยาเป็นอย่างยิ่ง ความพิเศษของที่แห่งนี้ คือ เป็นที่อาศัยอยู่ของสัตว์ท้องถิ่นที่มีลักษณะแปลกๆ มากมาย และ 75% ของสัตว์ทั้งหมดนี้สามารถพบได้ที่นี่ที่เดียวในโลก ประประเทศเอกวาดอร์ เทศเอกวาดอร์